JohnnyBet.com th

บทสัมภาษณ์กับ Patrick Kluivert

โดย Guillem Balagué จาก
บทสัมภาษณ์กับ Patrick Kluivert

บทสนทนาอันยอดเยี่ยมกับนักเตะในตำนานอย่าง แพทริก ไคลเฟิร์ต (Patrick Kluivert) เมื่อเขาได้ให้เกียรติมาสัมภาษณ์กับนักข่าวกูรูฟุตบอลชื่อดังอย่าง กิลเลม บาลาเก (Guillem Balagué) เพื่อแบ่งปันความรู้เชิงลึกกับประสบการณ์เกี่ยวกับฟุตบอล ซึ่งไคลเฟิร์ตเป็นที่รู้จักและโด่งดังในฐานะนักฟุตบอลอาชีพจากทีมอายักซ์ (Ajax) และทีมบาร์เซโลนา (Barcelona) และในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลชิงแชมป์ยูโร 2000 (EURO 2000) โดยเขาได้มาเผยให้เห็นมุมมองที่ไม่เหมือนใครในฐานะผู้เล่น โค้ช และผู้อำนวยการในวงการฟุตบอล ในการสนทนาเกี่ยวกับผลกระทบของฟุตบอลโลก (World Cup) ไปจนถึงการยกย่องนักฟุตบอลอัจฉริยะอย่าง ลิโอเนล เมสซี (Lionel Messi) และเปป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) ไคลเฟิร์ตได้กล่าวถึงข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของการแข่งขันและวิเคราะห์ฟุตบอลยุโรป (European football) ในฤดูกาล 2022/23 รับชมการสัมภาษณ์เพื่อเจาะลึกความคิดของไอคอนแห่งวงการฟุตบอลตัวจริงและทำความเข้าใจเกมการแข่งขันอันงดงามอย่างลึกซึ้งมากขึ้นจากมุมมองของหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

อ่านบทถอดความนี้ในภาษาอื่น:

Guillem Balagué:

สวัสดีและยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ไม่ว่าตอนนี้ทุกท่านจะอยู่ที่ไหนแต่ในวันนี้พวกเราทุกคนจะได้ฟังบทสนทนาที่น่าสนใจกับบุคคลที่ผมรู้จักมานาน เขาคนนั้นเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ เพราะว่าเขาเป็นนักเตะที่เคยคว้าแชมป์ให้กับทีมอายักซ์และบาร์เซโลนามาแล้ว ทั้งยังเคยลงเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์เป็นประจำ และได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกและการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป พร้อมทั้งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลชิงแชมป์ยูโร 2000 อีกด้วย โดยเขาคือบุคคลที่พวกเราหลายคนเรียกกันว่าเป็นตำนานของวงการฟุตบอลเลยก็ว่าได้ และเขาก็ยังเป็นตัวแทนที่คอยให้คำแนะนำบนแพลตฟอร์ม JohnnyBet อีกด้วย ยินดีต้อนรับครับ คุณแพทริก ไคลเฟิร์ต

Patrick Kluivert:

สวัสดีอีกครั้งนะครับ คุณสบายดีไหม? พวกเราไม่ได้คุยกันนานเลย ผมอยากจะแก้ไขเล็กน้อยว่านอกจากที่กล่าวมาแล้ว ผมก็คว้าแชมป์กับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน (PSV) ด้วยเหมือนกันนะครับ

Guillem Balagué:

สวัสดีครับ! แน่นอนอย่างที่คุณเพิ่งกล่าวถึง ประสบการณ์ของคุณรวมถึงบทบาทที่หลากหลายในเกมด้วยเหมือนกัน อย่างแรกก่อนที่เราจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับไฮไลท์การแข่งขันในฤดูกาลนี้ เรามาแลกเปลี่ยนคร่าว ๆ กันดีกว่าครับ สำหรับตัวคุณเองนับว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์รอบด้านในวงการฟุตบอลมาอย่างโชกโชนเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่การลงเล่น การเป็นโค้ช ไปจนถึงการกำกับดูแล ผมอยากรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับคุณเหรอครับ?

Patrick Kluivert:

แน่นอนว่าต้องเป็นการเล่นฟุตบอลครับ ตั้งแต่ที่เริ่มลงเตะกับทีมอายักซ์ไปจนถึงสโมสรทั้ง 7 แห่งที่เคยเข้าร่วมมาตลอดที่เป็นนักเตะอาชีพ ก็ใช่ครับ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมก็คือการเล่นฟุตบอลอยู่แล้วครับ และผมยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของสโมสรฟุตบอล Paris Saint-Germain รวมทั้งผู้อำนวยการของศูนย์ Youth Academy of Barcelona ด้วยเหมือนกัน ในหลายต่อหลายครั้งที่ผมเองก็ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับทีมชาติต่าง ๆ ก็อย่างที่คุณกล่าวว่าผมมีบทบาทหลากหลายในวงการฟุตบอลนี้ ผมยอมรับเลยว่าการมีประสบการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากครับ

Guillem Balagué:

และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมการได้มีโอกาสมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคุณเกี่ยวกับฤดูกาลนี้ถึงเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะว่าคุณสามารถแบ่งปันเรื่องราวได้จากมุมมองในฐานะนักฟุตบอล ในฐานะผู้กำกับ รวมถึงในฐานะของแฟนบอลด้วย แล้วในส่วนของฟุตบอลโลก (World Cup) ที่จัดขึ้นในช่วงกลางฤดูกาลพอดีของการแข่งขันฟุตบอลที่ยาวนาน คุณมีความคิดเห็นยังไง? คุณประทับใจอะไรบ้างไหมครับ?

Patrick Kluivert:

ก่อนอื่นผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือฟุตบอลโลกในช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ว่าจะทำให้การแข่งขันหลายรายการหยุดชะงักไป แต่ผมคิดว่าเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกที่น่าทึ่งมาก เพราะว่าคุณสามารถรับชม 3 – 4 เกมได้ในวันเดียว การแข่งขันนั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ผมเองก็อยู่ที่นั่นและได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในกาตาร์ แต่รายการนั้นก็ขัดจังหวะรายการอื่นในหลายประเทศทำให้ไม่ได้รับผลตอบรับในทางบวกไปเสียทีเดียวหรอกครับ แต่ก็นั่นแหละเพราะว่ามันคือฟุตบอลโลกยังไงล่ะ โดยทั่วไปฟุตบอลสโมสรจะมีช่วงเวลาพัก ซึ่งการหยุดพักเพราะฟุตบอลโลกก็อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับใครบางคน แต่แน่นอนว่าก็เป็นเรื่องแย่สำหรับใครบางคนด้วยเช่นกัน

Guillem Balagué:

คุณพอจะบอกได้ไหมว่าก่อนที่เราจะพูดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ฟุตบอลโลก ในรอบชิงฯ ฟุตบอลโลกก็คือ... ผมกำลังจะบอกว่า....นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ผมกำลังจะพูดถึง... นั่นคือเกมที่ดีที่สุดที่เคยมีมาไหม? คุณจะพูดอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?

Patrick Kluivert:

คุณหมายถึงรอบชิงฯ ใช่ไหม?

Guillem Balagué:

ใช่ครับ

Patrick Kluivert:

อืม ผมว่ารอบชิงฯ เป็นอะไรที่สุดยอดมากเลย เรียกว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ที่ผมดูเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่ผู้เล่นจากทั้งสองทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นผลตัดสินกับวิธีการเล่นอีกด้วย

Guillem Balagué:

คุณอยู่ที่นั่นในช่วงรอบชิงฯ ด้วยเหรอครับ?

Patrick Kluivert:

ใช่ครับ

Guillem Balagué:

ในฐานะที่คุณเคยสัมผัสกับประสบการณ์ทุกอย่างในวงการฟุตบอลมาแล้ว ทั้งยังเคยลิ้มรสกับชัยชนะและเสียใจกับอะไรหลาย ๆ อย่างมาก่อน พอคุณกลายมาเป็นแฟนบอลที่ได้รับชมการแข่งขันอย่างที่พวกเราเห็นเกาะติดขอบสนามนั้น คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ? คุณตื่นเต้นเหมือนกับแฟนบอลคนอื่น ๆ หรือเปล่า? คุณกระโดดโลดเต้นดีใจตอนดูการแข่งขัน หรือแค่นั่งวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นเงียบ ๆ เหรอครับ?

Patrick Kluivert:

ความจริงแล้วก็ทั้งสองอย่างนะ ผมคิดว่าถ้าคุณได้ชมการแข่งขันอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน ก็จะเห็นว่ารอบทัวร์นาเมนท์นั่นเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ส่วนรอบนัดชิงฯ ก็สุดยอดมากจริง ๆ ผมหมายถึง Mbappé ยิงลูกเตะสามประตูในรอบชิงฯ เชียวนะ! เมสซีเองก็สร้างประวัติศาสตร์ทำให้ทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ Copa América กับฟุตบอลโลกอีกต่างหาก ผมว่าฟอรม์การเล่นของเมสซีนั้นดีมากและช่วงที่สกอร์บอร์ดขยับขึ้น ๆ ลง ๆ ก็เรียกว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์จริง ๆ ผมคิดว่าแฟนบอลของทั้งสองประเทศคงต้องลุ้นจนตัวโก่งแน่ มันเป็นเกมที่สุดยอดแห่งปีเลยล่ะครับ

Guillem Balagué:

แล้วคุณเห็นด้วยกับที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้กล่าวกันว่าเมสซีคือผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกที่เคยมีมาไหมครับ?

Patrick Kluivert:

ผมเห็นด้วยนะครับ แน่นอนว่าในช่วงที่ผมยังเป็นนักเตะอยู่ ก็มีผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมหลายคนอย่างที่คนรู้จักกัน เช่น มาราโดนา (Maradona) เปเล่ (Pele) หรือ ไกรฟฟ์ (Cruijff) แต่สิ่งที่เมสซีทำสำเร็จก็มีเยอะมากทีเดียว อย่างการคว้ารางวัล Golden Balls 7 สมัย ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก แชมป์ฟุตบอลโลก แชมป์โกปาอาเมริกา เขาสามารถคว้าถ้วยรางวัลทั้งหมดที่มีและยังมีรางวัลส่วนตัวมากกว่า 7 รายการและรางวัลอื่น ๆ เพราะฉะนั้นผมถือว่าเมสซีเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ไม่ใช่ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาครับ

Guillem Balagué:

เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ที่พวกเราได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันนั้น นอกจากนี้ผมเชื่อว่ามีอีกคนที่ได้น่าจับตามอง นั่นก็คือ เปป กวาร์ดิโอลา ซึ่งในส่วนของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี (Manchester City) ก็กำลังเตรียมการที่จะสร้างประวัติศาสตร์เช่นกัน แล้วคุณคิดยังไงกับแมนเชสเตอร์ซิตีในฤดูกาลนี้ แล้วก็ส่วนของบทบาทของ เปป กวาร์ดิโอลา ด้วยครับ?

Patrick Kluivert:

ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ฤดูกาลนี้หรอกครับ แต่รวมถึงฤดูกาลที่แล้วด้วย ทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมอาร์เซนอล (Arsenal) ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก เพราะเป็นทีมที่ครองตำแหน่งที่หนึ่งมาตลอด แถมยังมีแต้มที่ต่างกันมาก แต่สุดท้ายก็ถูกแมนเชสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์ไปแทน ทุกคนรู้ว่าเปปเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมและเขายังมีความสามารถในการสร้างทีมของตัวเองอีกต่างหาก เขามีเงินทุนมากพอที่จะซื้อนักเตะและก็มองการไกลว่าต้องการนักเตะแบบไหนมาร่วมทีมเพื่อทำให้ทีมเล่นได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น ผมคิดว่าเปปไม่ได้ปฏิบัติแบบนี้กับทีมบาร์เซโลนาอย่างเดียว แต่ยังทำแบบเดียวกันกับทีมบาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) และแมนเชสเตอร์ซิตี้ด้วย โอ้ ให้ตายสิ ‘เขาทำได้จริง ๆ!’ คุณต้องให้เครดิตกับเปปที่สามารถเพิ่มศักยภาพของนักเตะทุกคนในทีมได้ ผมหมายถึง หากเขาวางตัวรองเอาไว้ นักเตะสำรองคนนั้นจะต้องอยู่ในระดับเดียวกับผู้เล่นหลักแน่ และผมคิดว่านั่นเป็นทักษะที่ดีเพื่อให้ทีมเป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะโค้ช และคุณรู้ไหมว่าพวกเขาพูดว่าอะไร คุณคว้าชัยชนะด้วยศักยภาพที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่เพราะนักเตะแค่ 11 คนเท่านั้น แต่ต้องมีผู้เล่น 23 คนที่มีความสามารถในระดับเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของฟุตบอลอังกฤษที่มีแมตช์ให้เล่นจำนวนมากตลอดทั้งฤดูกาล รวมถึงการแข่งขัน 38 เกมและเอฟเอคัพ (FA Cup) และหากทีมไหนลงแข่งขันในแชมเปี้ยนส์ลีกก็จะยังมีแมตช์ที่ท้าทายกว่า 60 นัดในหนึ่งฤดูกาลรอคอยอยู่ รวมทั้งแมตช์ทางการ และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องมีขุมกำลังที่เต็มเปี่ยม และนี่คือคุณสมบัติที่เปปมีครับ

Guillem Balagué:

คุณอยากลองฝึกกับเปป กวาร์ดิโอลาไหม? คุณจะสนุกกับการฝึกหรือเปล่าครับ?

Patrick Kluivert:

แน่นอนครับ แต่ผมพอรู้อยู่บ้างเพราะว่าผมเคยเล่นกับเขามาก่อน และผมก็รู้ว่าเขามีจิตวิญญาณความเป็นโค้ชอยู่ในตัว และหากผมเป็นผู้เล่น ผมก็อยากจะเล่นภายใต้การฝึกฝนของ เปป กวาร์ดิโอลา เช่นกันครับ

Guillem Balagué:

และคุณก็เคยสัมผัสกับความแตกต่างและพิเศษของเขามาก่อน เพราะว่าเขาเป็นคนที่คอยจัดแจงให้ทุกคนมีส่วนร่วมและทำให้คนเหล่านั้นเชื่อว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้เล่นหนึ่งใน 11 คนแรก เห็นได้ชัดว่าเขาทำให้ทีมมีคุณภาพจริง ๆ สำหรับตัวคุณเองอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับความแตกต่างและความเป็นเอกลักษณ์ของเขาอีกไหมครับ?

Patrick Kluivert:

แน่นอนว่าเขาเป็นผู้เล่นในระดับสูง ทีเดียว เขาเคยเล่นเกมมาก่อน เขารู้ว่าผู้เล่นคิดอะไรอยู่และอย่างที่คุณเพิ่งพูดไปว่าเขามีผู้เล่นชั้นนำถึง 23 คน เขาย่อมรู้วิธีการดึงตัวผู้เล่นเอาไว้ในทีม และนั่นคือคุณสมบัติของโค้ชที่เล่นในระดับสูง นอกจากนี้ ผมคิดว่าผู้เล่นเองก็น่าจะรู้ดีว่าในช่วงเวลาที่เขาเล่น เขาเป็นเหมือนกับวงออเคสตราที่เขาเป็นผู้นำและสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการจากผู้เล่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และหากมีผู้เล่นเหล่านั้นครบ 100% ตลอดฤดูกาลแข่งขันที่ยาวนาน ทีมก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และนั่นคือสิ่งที่เขาแสดงออกมาและนักเตะก็มีการโต้ตอบต่อกันและกันด้วย ผมคิดว่าการสร้างสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งของทีมแบบนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเปป เป็นสิ่งที่ทำให้เขาพิเศษ

Guillem Balagué:

คำถามต่อไป นี่อาจจะเร็วไปสักหน่อยสำหรับคำถามนี้ เพราะว่าพวกเราต้องดูว่าคู่แข่งจะเดินเกมยังไงในการดึงตัวนักเตะเข้ามา แต่คุณเห็นใครที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับแมนเชสเตอร์ซิตี้ไหม หรือคุณคิดว่าทีมอาร์เซน่อลจะมีโอกาสกลับมาท้าชิงในพรีเมียร์ลีกได้อีกหรือเปล่า? แล้วแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดล่ะจะสามารถเทียบเท่าได้ไหม? จะมีใครเหมือนกับทีมเก่าของคุณอย่างนิวคาสเซิ่ล (Newcastle) ที่สามารถดวลกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ได้ไหม? หรือว่าเป็นเรื่องยากและไม่น่าจะมีอะไรมาฉุดรั้งได้แล้วครับ?

Patrick Kluivert:

อืม... แมนเชสเตอร์เป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีสไตล์การเล่นเป็นของตัวเอง แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับว่าทีมอื่น ๆ สามารถก้าวมาถึงระดับเดียวกันได้ เหมือนกับสิ่งที่เราเพิ่งพูดไป ส่วนทีมอาร์เซนอลเองก็เกือบจะคว้าแชมป์ในอังกฤษแล้ว และผมคิดว่าในปีหน้าพวกเขาก็คงจะอยู่ในจุดนั้นเช่นกัน ส่วนทางทีมนิวคาสเซิ่ล ถ้าให้ผมพูดตามตรง พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งฟอร์มการเล่นและโครงสร้างทีม หากลองมองดูก็จะเห็นว่าไม่นักเตะคนไหนที่โดดเด่นอยู่คนเดียว พวกเขาเล่นกันเป็นทีมและนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นจริง ๆ พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและเป็นทีมที่ทรงพลังมาก และผมคิดว่าทีมอาร์เซน่อลก็จะเป็นแบบนั้น... ผมหวังว่าเชลซี (Chelsea) จะก้าวขึ้นมาในระดับเดียวกันในปีหน้าด้วย เพราะผลงานปีนี้นับว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับเชลซีเลยก็ว่าได้ แต่เท่าที่ดูทางทีมเชลซี อาร์เซน่อล นิวคาสเซิ่ล และลิเวอร์พูล... พวกเขาจำเป็นจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะไม่อย่างนั้นแมนเชสเตอร์จะก้าวนำหน้าและคว้ารางวัลไปอย่างแน่นอน และผมคิดว่าทางสโมสรใหญ่ ๆ ทั้งหมดที่จะลงเล่นในพรีเมียร์ลีกปีหน้า จะต้องมีทีมอื่นอีกสองสามทีมที่จะทำให้การแข่งขันของแมนเชสเตอร์ซิตี้ท้าทายมากขึ้นอีก ส่วนทางแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Manchester United) เองก็ต้องปรับปรุงเหมือนกัน และผมคิดว่าพวกเขาคงจะทำอะไรบางอย่าง แล้วคุณรู้ไหม ผมคิดว่าการแข่งขันในปีหน้าคงจะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากที่ได้เห็นว่าทีมอื่นรับมือกับจุดแข็งของแมนเชสเตอร์ซิตี้ยังไง

Guillem Balagué:

คุณประทับใจกับผลงานของเพื่อนร่วมชาติอย่าง เอริก เติน ฮัค (Erik ten Hag) ในสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับการที่พวกเขาเริ่มกลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอีกครั้งไหมครับ?

Patrick Kluivert:

ผมประทับใจมากครับ แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าเขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในตอนแรก ๆ แต่สุดท้ายเขาผลักดันแนวทางการทำงานในสโมสรได้สำเร็จ และตอนนี้นักเตะทุกคนก็เริ่มรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง ซึ่งผมหวังว่าเขาจะสามารถสร้างผลงานได้ดีในปีหน้าเหมือนกันครับ

Guillem Balagué:

เราข้ามไปดูเหตุการณ์ของที่อื่นอย่างประเทศสเปนกันบ้างดีกว่าครับ จากที่สโมสรบาร์เซโลนาสุดโปรดของคุณสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ภายใต้กุนซือที่คุณรู้จักดีอย่าง ซาเวียร์ เฮอร์นันเดซ (Xavier Hernández) ก่อนหน้าที่คุณกล่าวไปว่าเปปมีจิตวิญญาณของความเป็นผู้จัดการทีม แล้วซาเวียร์ล่ะครับ? คุณเคยคิดว่า “เขาสามารถเป็นผู้จัดการทีม” ได้หรือเปล่า?

Patrick Kluivert:

ความจริงคือ... ช่วงอายุของผมถือว่าอยู่ระหว่างคนสองคนนั้นพอดี เพราะเปปอายุมากกว่าผมนิดหน่อย ส่วนซาเวียร์ก็อายุน้อยกว่านิดหน่อย แต่เราเคยเล่นในทีมเดียวกันมาก่อน และคุณรู้ไหมว่าซาเวียร์เป็นตัวสำรองในตำแหน่งเดียวกันของเปป และผมก็เห็นว่าซาเวียร์เป็นผู้เล่นที่มีความคิดเชิงกลยุทธ์ในตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่า แต่ก็มีจิตวิญญาณในฐานะของผู้จัดการทีมอยู่เหมือนกัน และผมคิดว่าเขาแสดงให้เห็นศักยภาพของตัวเองอย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่มีนักเตะเต็มจำนวนเท่าที่เขาต้องการในทีมบาร์เซโลนา แต่เขาก็ยังสามารถทำได้ดีมาก แม้ว่าในการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็ตาม แต่ในลีกสเปนจะถือว่าเขาสามารถทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม และคุณก็รู้ว่าเขาเล่นได้ดีมากในการคว้าแชมป์

Guillem Balagué:

ผมแปลกใจกับแนวรับอันแข็งแกร่งที่เรียกได้ว่าเป็นแนวรับดีที่สุดในยุโรปเลยก็ได้ แต่ยังคงห่างไกลจากฟอร์มการโจมตีของสโมสรบาร์เซโลนาที่เราเคยเห็นในอดีตอยู่ดี ซึ่งทักษะนั้นก็มากพอที่จะคว้าแชมป์ลีก แต่คุณแปลกใจไหมว่าเขาได้มายังไง?

Patrick Kluivert:

อืม.. น่าจะเป็นในช่วงกลางฤดูกาลแน่นอนครับ หลังจากที่ฌาราร์ต ปิเก (Gerard Piqué) ออกไปแล้ว และนั่นก็ถือเป็นระเบิดครั้งใหญ่เลยล่ะ เพราะทุกคนรู้ดีถึงศักยภาพของฌาราร์ต และผมคิดว่าในช่วงกลางฤดูกาลนั้น เครสเตินเซิน (Christensen) กับอาราอูโฆ (Araújo) ถือว่ามีฟอร์มการเล่นที่ดีมากนะ แถมยังมีกูนเด (Koundé) กับอาลอนโซ (Alonso) อยู่ในทีมด้วย เพราะว่าพวกเขาสร้างสมดุลในแนวรับได้ในฐานะนักเตะเท้าซ้ายและนักเตะเท้าขวามากทีเดียว ส่วนบัลเด (Balde) ที่ตอนนี้เล่นด้วยเท้าซ้ายก็เพิ่งเล่นด้วยเท้าขวาเหมือนกัน พวกเขามีทีมที่แข็งแกร่งทั้งอายุยังน้อย ความคล่องแคล่ว และความแข็งแกร่ง ผมคิดว่าพวกเขาเป็นทีมที่สามารถสร้างสมดุลได้ดีมาก และถ้าลองดูที่แนวรับ กองกลาง และแนวรุก.. ผมคิดว่าทีมบาร์เซโลนามีความสมดุลที่ยอดเยี่ยมและนั่นก็เป็นหน้าที่ของโค้ชอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่โค้ชจะต้องทำและต้องสอดคล้องกับสิ่งที่ทีมต้องการเช่นกัน ด้วยสองสิ่งนี้ก็จะทำให้คุณคว้าแชมป์ได้ครับ

Guillem Balagué:

ผมเข้าใจแล้วครับ อย่างที่คุณพูดถึงกองกลางและแนวรับ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าซาเวียร์คิดอะไรอยู่ พวกเขาต้องการเพิ่มศักยภาพของกองหน้าให้มากขึ้น พวกเขายังมีผู้เล่นดี ๆ อีกมากมาย แต่ความต้องการที่จะคว้าตัวกึนโดอัน (Gündoğan) หรือบือร์นาร์ดู ซิลวา (Bernardo Silva) นั้นเป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าหากไม่มีเปดริ (Pedri) ทีมก็ขาดความแข็งแกร่งในการส่งบอลสุดท้าย ผมไม่รู้ว่าคุณเห็นด้วยกับผมไหม ว่านั่นเป็นความคิดที่เขาต้องปรับปรุงสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลหน้า

Patrick Kluivert:

แน่นอนว่าเปดริเป็นผู้เล่นที่น่ามหัศจรรย์คนหนึ่งเลยล่ะ แต่ตอนนี้ก็มีแฟร็งกี เดอ โยง (Frenkie de Jong) กับกาบิ (Gavi) ที่เป็นนักเตะดาวรุ่งทั้งสอง แต่ถ้าจำเป็นต้องแทนที่พวกเขา มันก็จะแตกต่างกับสถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ซิตี้อยู่นะครับ ผมเข้าใจว่าเขาต้องการให้ตำแหน่งกองกลางมีศักยภาพมากขึ้น แต่ตอนนี้บุสเกตส์ (Busquets) ก็ออกไปแล้วเหมือนกัน ซึ่งนับว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ทีเดียว ผมคิดว่าบาร์เซโลนาจะต้องจัดการคว้าตัวและเซ็นสัญญานักเตะกองกลางที่ยอดเยี่ยมแน่ หรืออาจจะมีผู้เล่นกองกลางสำรองประมาณ 4 – 5 คน สำหรับ 3 ตำแหน่งก็ได้ครับ

Guillem Balagué:

ในส่วนผู้เล่นแดนหน้า พวกเขามีรอแบร์ต แลวันดอฟสกี (Robert Lewandowski) ที่มีความโดดเด่นมากในครึ่งฤดูกาลแรกเพราะว่าเขาสามารถปรับตัวได้ดีมาก แต่ในครึ่งหลังก็ดูจะเป็นเรื่องที่ท้าทายขึ้นมาเล็กน้อยสำหรับเขาอยู่เหมือนกัน คุณคิดว่าเขาเป็นเบอร์ 9 ที่ทีมบาร์เซโลนาต้องการหรือเปล่า แล้วเขาจะต้องปรับปรุงฟอร์มการเล่นของตัวเองให้ดีขึ้นอีกยังไงครับ?

Patrick Kluivert:

ผมคิดว่าแลวันดอฟสกีเป็นผู้เล่นที่น่าทึ่งคนหนึ่งครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคุณต้องย้ายไปอยู่สโมสรอื่นเพื่อทำประตูหรือมีส่วนร่วมในการทำประตูเหล่านั้น ผมคิดว่าการที่เขาพยายามปรับตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากเพราะว่าเขาสามารถยิงประตูได้จำนวนไม่น้อย ผมคิดว่าเขาคือหนึ่งในผู้ทำประตูที่ดีที่สุดของการแข่งขันนี้เลยก็ว่าได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะได้บอลมายังไงด้วย และคุณก็รู้ว่าเขาเป็นกองหน้า เขาจึงทำทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ได้ ซึ่งวิธีการที่เขาเข้าร่วมกับทีมและการทำประตูนัดสำคัญแสดงให้เห็นว่าเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทีมบาร์เซโลนาในปัจจุบัน

Guillem Balagué:

​​ผมคิดว่าคุณคงจะยิงได้มากกว่า 25 ประตูให้กับทีมบาร์เซโลนาแน่เพราะว่าคุณเล่นเข้าขากับคนอื่น คุณฉลาดมากในการจัดการรูปแบบเคลื่อนไหวของตัวเองและเปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น คุณคิดว่าคุณสามารถสร้างสถิติการทำประตูแบบเดียวกันให้กับทีมบาร์เซโลนาได้ไหมครับ?

Patrick Kluivert:

ก็ถ้าดูที่ทีม ผมคงทำประตูได้ 20 - 25 แต้มแน่ (หัวเราะ)

Guillem Balagué:

ใช่แล้ว ประมาณนั้นเลยครับ (หัวเราะ)

Patrick Kluivert:

ไม่หรอกครับ (หัวเราะ)

Guillem Balagué:

ส่วนคู่แข่งในลาลีกา (La Liga) อย่างทีมแอตเลติโก มาดริด (Atlético Madrid) หมดแรงเร็วมาก แต่พวกเขามีทีมที่แข็งแกร่งมากและก็ยังเล่นได้ดีมากในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลแข่งขัน ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไปพร้อมกับเพิ่มสไตล์การรุกที่มากขึ้นกว่านี้ได้หรือเปล่า คุณคิดว่าพวกเขาเป็นทีมที่น่าจับตามองหรือมีโอกาสคว้าแชมป์ในฤดูกาลหน้าได้ไหมครับ?

Patrick Kluivert:

ก็อย่างที่คุณพูดมาครับ พวกเขาเคยเอาชนะมาแล้ว และคู่แข่งอื่น ๆ อย่างบาร์เซโลนา มาดริด แอตเลติโก และบิลบาโอ (Bilbao) ก็เป็นทีมที่ดีเหมือนกัน แน่นอนพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ได้ พวกเขามีทีมที่แข็งแกร่งดีมาก พวกเขาเล่นด้วยกันมานานแล้ว และก็ใช่ พวกเขาคือผู้แข่งขันที่จะคว้าแชมป์ลีกในทุกปี แต่ผมคิดว่าเรอัล มาดริด (Real Madrid) จะทำการปรับปรุงนักเตะบางคนในปีหน้าแน่นอน เช่นเดียวกันกับบาร์เซโลนา ดังนั้น การแข่งขันเพื่อชิงแชมป์ระหว่างสามทีมนี้จะเป็นอะไรที่น่าจับตามองอย่างมาก

Guillem Balagué:

ทางเรอัล มาดริด พูดถึงการคว้าแชมป์ในทุกรายการ แต่เมื่อพวกเขาไม่สามารถทำได้อย่างที่บอก ก็เริ่มพูดถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง นั่นคือสิ่งที่ทางทีมกำลังเตรียมการอยู่ คือการเปลี่ยนเอาตัวนักเตะอายุน้อยเข้ามาในทีมอย่างที่คุณเห็นทั้งบัลเบร์เด (Valverde) ชัวเมนี (Tchouaméni) โรดรีกู (Rodrygo) วีนีซียุส (Vinícius) กามาวีงกา (Camavinga) และจูด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ซึ่งก็ไม่มีเวลาเปลี่ยนผ่านสำหรับเรอัล มาดริดอีกแล้ว คุณคิดว่าทีมนี้สามารถคว้าแชมป์ทุกรายการพร้อมกับนักเตะดาวรุ่งเหล่านี้กับการค่อย ๆ หายไปของนักเตะรุ่นโครส (Kroos) และมอดริช (Modrić) ไหมครับ?

Patrick Kluivert:

ยังไงก็ยังคงมีนักเตะรุ่นโครสกับมอดริชอยู่นะ หากดูสองคนนั้น พวกเขาไม่ได้ลงเล่นในการแข่งขันรายการนี้มากนัก แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาลงเล่น ก็ยังเห็นศักยภาพและฟอร์มการเล่นของพวกเขาที่เป็นตัวนำให้กับทีมอยู่ ดังนั้น ผมคิดว่าพวกเขาจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีมเหมือนเดิม แน่นอนว่าถ้าจูด เบลลิงแฮมย้ายมาที่เรอัล มาดริด เขาก็จะกลายมาเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของทีม รวมทั้งนักเตะรุ่นใหม่ทั้งหมดที่คุณพูดถึงด้วยไม่ว่าจะเป็นชัวเมนี กามาวีงกา วีนีซียุส และโรดรีกู นี่คือทีมที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับนักเตะที่มีคุณภาพมากมาย ที่สำคัญคือพวกเขายังเด็ก จึงต้องเตรียมเล่น 4 – 6 ปีด้วยกัน ยังไงทางทีมเรอัล มาดริด ก็คือเรอัล มาดริด ในฐานะบาร์เซโลนา ผมต้องยอมรับว่าพวกเขามีทีมที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ

Guillem Balagué:

อย่างที่เราได้กล่าวถึงจูด เบลลิงแฮมไปแล้ว ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากว่าเขาสามารถทำอะไรในการแข่งขันลาลีกาบ้าง เพราะว่าเขาเป็นกองกลางที่โดดเด่น แต่เขาก็เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของบุนเดสลีกา (Bundesliga) เขาได้รับการยอมรับแบบนั้น เขามีคุณสมบัติที่จะสร้างความสำเร็จให้กับเรอัล มาดริด จริงไหมครับ?

Patrick Kluivert:

ก็อย่างที่คุณรู้ ถ้าทีมมีผู้เล่นดี ๆ อยู่รายล้อมสไตล์และฟอร์มการเล่นก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่เขาอยากจะแสดงออกให้เห็นในโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) นั้นยอดเยี่ยมมากจริง ๆ และในสายตาของผม ถ้าเปรียบเทียบดอร์ทมุนด์ กับ เรอัล มาดริด ทางทีมเรอัล มาดริดมีผู้เล่นในทีมที่ดีกว่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถึง 4 คน เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าเขาสามารถเข้ากันกับมาดริดได้อย่างลงตัวเลยล่ะครับ

Guillem Balagué:

เราข้ามไปพูดถึงในประเทศอิตาลีกันบ้างดีกว่านะครับ และเรื่องราวสุดแสนโรแมนติกเรื่องหนึ่งของฤดูกาลนี้ก็คือการเห็นชัยชนะของนาโปลี (Napoli) ผมไม่แน่ใจว่าคุณเคยไปนาโปลีเมื่อสองเดือนก่อนที่จะสิ้นสุดฤดูกาลหรือเปล่า เพราะว่าพวกเขาเฉลิมฉลองกันอยู่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองแห่งนั้นกลายเป็นสีฟ้าและสีขาวเหมือนกับสัญลักษณ์ของพวกเขา พวกเขามุ่งหวังที่จะคว้าถ้วยแชมป์ ‘สคูเด็ตโต้ (Scudetto)’ ผมรู้ดีว่านาโปลีเป็นคู่แข่งของคุณมาหลายปีแล้ว คุณรู้สึกยังไงที่เห็นพวกเขาชนะและวิธีการที่พวกเขาสามารถคว้าชัยชนะมาได้ครับ?

Patrick Kluivert:

ผมคิดว่าวิธีการที่พวกเขาทำเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากหลังจากที่ไม่ได้คว้าแชมป์มานาน สำหรับพวกเขาแล้วก็เหมือนกับการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกนั่นแหละครับ และวิธีการเล่นของพวกเขาก็ถือว่าดีมากโดยเฉพาะผู้เล่นสองคนนั้นอย่างโอซิเมน (Osimhen) กับกวารัทส์เฆลีอา (Kvaratskhelia) หากลองดูสถิติที่พวกเขาสองคนทำเพื่อทีม ผมคิดว่าทั้งคู่สามารถทำประตูและส่งลูกบอลได้ราว 70% หรือ 80% เลยก็ว่าได้ ผู้เล่นสองคนนั้นน่าทึ่งมากครับ ผมคิดว่านั่นคล้ายคลึงกับนิวคาสเซิ่ลเล็กน้อย เป็นทีมที่เก่งและเล่นได้กระชับมาก พวกเขาเล่นอย่างสุดความสามารถจริง ๆ การคว้าชัยชนะในเกมสำคัญกับสโมสรใหญ่ ๆ จะเพิ่มความกระตือรือร้นและพลังในการคิดถึงการคว้าแชมป์มากขึ้น และสิ่งที่พวกเขาทำก็น่าทึ่งมาก ผมคิดว่าทั้งทีมนาโปลีและแฟนบอลต่างตื่นเต้นมากพอกัน ถ้าเห็นว่าพวกเขาฉลองแชมป์กันยังไง นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก และพวกเขาก็สมควรที่จะชนะ สมควรแล้วที่จะคว้าแชมป์ครับ

Guillem Balagué:

ในฐานะนักฟุตบอลแล้ว ผมสงสัยว่าคุณคิดยังไงกับคำพูดของลูเซียโน สปัลเล็ตติ (Luciano Spalletti) ที่ว่า “ผมต้องไปแล้ว ผมต้องการการพักผ่อนแล้ว ผมจะห่างหายไปเป็นเวลาหนึ่งปี โดยไม่ทำอะไรเลย” มีความเป็นไปได้ว่าไม่เพียงแต่จะเฉลิมฉลองอีกหนึ่งปีและท้าทายตำแหน่งแชมป์อีกครั้งเท่านั้น แต่จะเข้าสู่แชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วย เขาก้าวออกจากตำแหน่งเพราะต้องการพักฟื้นทั้งร่างกายและจิตใจในการอยู่ในตำแหน่งสูงสุด คุณเข้าใจสิ่งที่เขาทำไหมครับ?

Patrick Kluivert:

อืม ผมคิดว่าเขารู้จักร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดีและพยายามรับฟังสัญญาณสิ่งที่ร่างกายต้องการจะบอก เพราะว่าเขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากจริง ๆ แม้ว่าเขาจะคว้าแชมป์ก็ตาม บางทีเขาอาจจะได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างมากกับหัวใจของตัวเอง เพราะว่าทุกคนมีหัวใจเพียงดวงเดียวไงครับ และแน่นอนว่าในฐานะโค้ช เมื่อคว้าแชมป์แล้วก็อยากจะลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกอีก นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่แน่นอน แต่การตัดสินใจของเขาในครั้งนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เขารู้จักร่างกายของตัวเองดีอยู่แล้ว และบางทีเขาอาจจะทำงานอย่างหนักมากในปีนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ ซึ่งบางทีเขาอาจจะรู้ว่าปีหน้าเขาอาจจะไม่ได้รับความสำเร็จเหมือนกับในปีนี้ก็ได้เหมือนกัน เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดนิดหน่อย แต่อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละครับ เขารู้ว่าร่างกายของตัวเองต้องการอะไร และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงต้องฟังร่างกายของตัวเอง

Guillem Balagué:

การลาพักในตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแต่ก็มีอะไรบางอย่างส่งสัญญาณบอกให้เขาต้องหยุด และนั่นเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญจริง ๆ นะครับ

Patrick Kluivert:

ผมคิดว่าคงไม่มีใครกล้าตัดสินใจแบบเดียวกันถ้าอยู่ในตำแหน่งเดียวกันของเขาหรอกครับ

Guillem Balagué:

การแข่งขันในอิตาลีมีสามทีมในรอบชิงฯ ก็คือ โรมา (Roma) แพ้ยูโรปาลีก (Europa League) ฟีออเรนตีนา (Fiorentina ) ในคอนเฟอเรนซ์ลีก (Conference) และอินเตอร์ (Inter) ในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก ผมได้ลองหารือเรื่องนี้กับเพื่อนของผมจากสื่ออิตาลีเพิ่มเติม พวกเขาพูดว่า “นี่คือยุคฟื้นฟูของฟุตบอลอิตาลี คุณจะได้เห็นฟุตบอลอิตาลีอยู่ในอันดับต้นไปอีกหลายปี” และผมรู้สึกเหมือนว่าเป็นเหตุบังเอิญเล็กน้อย แล้วตัวคุณเองคิดยังไงกับความเห็นในครั้งนี้ครับ?

Patrick Kluivert:

ก่อนอื่นเลยทั้งสามทีมมีศักยภาพมากพอที่จะเข้าชิงในรอบชิงชนะเลิศได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาสมควรที่จะอยู่ที่นั่น ทุกคนคงรู้จักเทคนิคที่เรียกว่า “คาเตนัคโช่ (Catenaccio)” กันนะครับ ซึ่งเป็นการเล่นแบบตั้งรับและไม่ค่อยเล่นเกมรุกมากนัก ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง เพราะว่าพวกเราเห็นวิธีการเล่นแบบนั้นในรอบชิงฯ ยูโรปาลีก โดยทางทีมโรมาค่อนข้างจะเล่นแบบตั้งรับ แต่คุณรู้ไหมว่ากองหน้าของพวกเขามีความสามารถของ เปาโล ดิบาลา (Paulo Dybala) ประกอบกับ อับราฮัม (Abraham) ที่สามารถทำประตูได้ในทุกสถานการณ์ แต่บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับระบบการเล่นที่อุกอาจและก้าวร้าวมากก็ได้เช่นกัน ดังนั้นผมจะไม่บอกว่านั่นคือรูปแบบของระบบหรอกครับ แต่อย่างที่ผมบอกไป มีสามสโมสรที่ยอดเยี่ยมหลักในรอบชิงฯ สามรายการในยุโรป ดังนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าความสามารถและศักยภาพของปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว และในปีหน้าพวกเขาก็จะยังคงอยู่ที่นั่น แต่ผมก็มีข้อสงสัยเหมือนกับคุณนั่นแหละครับ

Guillem Balagué:

ถ้าอย่างนั้นผมจะปกป้องตำแหน่งของผมสักหน่อยด้วยการถามคำถามถัดไปนะครับ ในตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าผู้เล่นที่ดีที่สุดของเซเรีย อา (Serie A) ไม่ได้รับเงินจำนวนมากและความสนใจเท่ากับที่พวกเขาเล่นในพรีเมียร์ลีก (Premier League) เพราะแบบนั้นทำให้ทีมต้องสูญเสียผู้เล่นที่มีความสามารถไปและทำให้ทีมอ่อนแอลงเล็กน้อย ดังนั้น นี่อาจจะเป็นการส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างผู้เล่นที่ดีและผู้จัดการทีมที่ดี และแคมเปญที่ดีและทีมแข่งขันที่มีโครงสร้างทีมดีมากก็ได้เช่นกัน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันนี้เพราะรู้สึกว่าฟุตบอลยุโรปเริ่มคาดเดาได้มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่นอายักซ์ คลับบรูช (Club Brugge) อันเดอร์เลคต์ (Anderlecht) เซลติก (Celtic)และเรนเจอส์ (Rangers) ก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดในแชมเปี้ยนส์ลีกได้ นี่เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง หรือคุณรู้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ?

Patrick Kluivert:

ผมคิดว่าสโมสรที่คุณกล่าวถึงอย่างอายักซ์ คลับบรูช และอื่น ๆ แน่นอนว่าไม่สามารถเปรียบเทียบกับค่าเม็ดเงินกับพรีเมียร์ลีกได้ ในอิตาลีมีนักเตะที่มีความสามารถหลายคน เหมือนกับที่คุณพูดนั่นแหละครับ ถ้านักเตะคุณภาพเหล่านั้นต้องการออกไปสักที่ พวกเขาจะมองหาความท้าทายใหม่ ๆ โดยอาจจะอยู่ในสโมสรที่ใหญ่กว่าเดิม เพราะนั่นคือสิ่งที่สโมสรใหญ่กว่ากำลังมองหานักเตะคุณภาพด้วยการมองหาผู้เล่นอันดับต้น ๆ ของทีมที่อยู่ในรอบชิงฯ และนัดชี้ขาดของทีม ใช่ครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นนักเตะชั้นนำของสโมสรในอิตาลี หรือสโมสรในเนเธอร์แลนด์ที่กำลังจะย้ายออกไป ทีมเก่าของพวกเขาก็จะอ่อนแอลงอย่างแน่นอน และทีมใหม่ที่ได้ตัวนักเตะเหล่านั้นไปก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น และนั่นก็คือวงจรที่เราเป็นอยู่ หากผู้เล่นระดับท็อปไม่ได้รับเงินตามที่ต้องการ และพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากทีมระดับท็อปของประเทศอื่น พวกเขาก็พร้อมที่จะย้ายไปที่แห่งใหม่

Guillem Balagué:

เมื่อพูดถึงนักเตะแล้ว คุณคิดว่าการอยู่ในยุคสมัยของคริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) และเมสซี่ มากว่า 15 ปี ยุคสมัยใหม่จะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโฮลัน (Haaland) อึมบาเป และวีนีซียุสหรือเปล่า? นั่นคือ 3 นักเตะที่จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมบัลลงดอร์ (Ballon d'Or) หรือเปล่าครับ?

Patrick Kluivert:

แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะคว้ารางวัลบัลลงดอร์อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้นักเตะทั้งสามคนนั้นก็เป็นตัวกำหนดชะตาของฟุตบอลยุโรปจริง ๆ นั่นแหละครับ รวมทั้งในทีมชาติของพวกเขาด้วยเช่นกัน พวกเขาจะต้องอยู่ที่นั่นแน่ ความสามารถของพวกเขาน่าทึ่งมาก ใช่แล้ว ผู้เล่นทั้งสามคนนี้จะเป็นผู้บุกเบิกยุคสมัยใหม่ แต่ก็จะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าร่วมกับพวกเขาในไม่ช้าเหมือนกัน

Guillem Balagué:

แล้วนักเตะพรสวรรค์หน้าใหม่ในวงการฟุตบอลล่ะครับ? เราได้พูดถึงเปดริ จูด เบลลิงแฮม ควารัตสเคเลีย (Kwaracchelia) และคุณก็กล่าวถึงมูซีอาลา (Musiala) บูกาโย ซากา (Bukayo Saka) ด้วยเหมือนกัน... คุณรอดูใครอยู่บ้างครับ? แล้วจัสติน ไคลเฟิร์ต (Justin Kluivert) เป็นยังไงบ้างครับ?

Patrick Kluivert:

โอ้ ลูกของผมเล่นได้ดีครับ แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่เขาได้รับบาดเจ็บเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน แต่ในตอนที่เขาลงเล่น เขาสามารถทำให้ทีมเล่นในแนวดิ่งมากขึ้น เขาสามารถทำประตูได้อย่างคล่องแคล่วทีเดียว และแน่นอนว่ามีนักเตะพรสวรรค์หน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ อย่างเบลลิงแฮม และ บูกาโย ซากา แต่สำหรับผมแล้ว มูซีอาลาคือหนึ่งในนักเตะที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ ผมชื่นชอบนักเตะคนนี้มาก และชอบวิธีการที่เขาใช้ในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบากต่าง ๆ มากครับ เขาเป็นนักเตะที่น่าจับตามองและต้องระวังในการแข่งขันฤดูกาลหน้า เพราะฤดูกาลหน้าเขาจะต้องได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กมาก แต่เขาเป็นนักเตะที่เหลือเชื่อมากสำหรับผม

Guillem Balagué:

อย่างเช่นเคย Patrick เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณ ขอบคุณครับ

Patrick Kluivert:

ขอบคุณมากครับ

ความคิดเห็น บทสัมภาษณ์กับPatrickKluivert
ความคิดเห็น (0)
เล่นอย่างมีความรับผิดชอบ 18+